API ย่อมาจาก Application Programming Interface คือกลไกที่ช่วยให้ซอฟต์แวร์จากสองส่วนเชื่อมต่อเข้าด้วยกันและส่งผ่านข้อมูลกันได้ เช่น การเชื่อมต่อและสื่อสารกันระหว่างระบบซอฟต์แวร์ของสำนักพยากรณ์อากาศที่แสดงข้อมูลสภาพอากาศในแต่ละวันกับแอปพลิเคชันสภาพอากาศบนโทรศัพท์มือถือ การเชื่อมต่อเช่นนี้เรียกว่าการเชื่อมต่อผ่าน API ซึ่งจะเชื่อมต่อและส่งข้อมูลจากซอฟต์แวร์ของสำนักพยากรณ์อากาศไปแสดงผลบนแอปพลิเคชันของโทรศัพท์มือถือของผู้ใช้งาน

API สำคัญอย่างไรต่อการพัฒนาซอฟต์แวร์

<b></b>API
นั้นเข้ามาเปลี่ยนวงการพัฒนาซอฟต์แวร์ไปอย่างมาก
ในอดีตหากนักพัฒนาต้องการสร้างฟีเจอร์ของซอฟต์แวร์ขึ้นมาก็ต้องเป็นผู้พัฒนาขึ้นมาเอง
หรือหากต้องการใช้งานซอฟต์แวร์ที่มีผู้พัฒนารายอื่นทำไว้อยู่แล้ว ก็จะต้องมีการตกลงให้ผู้พัฒนารายอื่นเปิดเผยข้อมูลซอฟต์แวร์
ซึ่งอาจส่งผลให้ผู้พัฒนาที่ต้องเปิดเผยข้อมูลเกิดความกังวลด้านความปลอดภัย หรืออาจเกิดปัญหาขึ้นกับผู้ที่นำไปใช้งานหากข้อมูลซอฟต์แวร์ที่เปิดเผยให้ใช้งานไม่ได้ถูกอัปเดตเท่าที่ควร
แต่ปัจจุบันนักพัฒนาสามารถเพิ่มฟีเจอร์ต่างๆ ที่ต้องการได้โดยการเรียกใช้งานซอฟต์แวร์ที่มีผู้พัฒนาไว้อยู่แล้วผ่านบริการ
API ซึ่งมีข้อดีคือทำให้เจ้าของซอฟต์แวร์ต้นทางไม่ต้องเปิดเผยข้อมูลทั้งหมด
และผู้พัฒนาที่เรียกใช้งานก็ไม่จำเป็นต้องรู้วิธีการพัฒนาติดตั้งหรือรายละเอียดภายในซอฟต์แวร์นั้น
ช่วยประหยัดเวลาในการพัฒนาซอฟต์แวร์รวมถึงแอปพลิเคชันได้เป็นอย่างมาก ช่วยให้ผู้พัฒนามีเวลาปรับปรุงฟีเจอร์หลักของซอฟต์แวร์ให้สามารถใช้ประโยชน์ได้หลากหลายตามความต้องการของผู้ใช้มากยิ่งขึ้น
การให้บริการผ่าน API จึงได้กลายมาเป็นเทรนด์ในการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่บริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์ต่างๆ
ให้ความสนใจมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ตอบโจทย์กับความต้องการในการผลิตซอฟต์แวร์ที่เปลี่ยนแปลงไป

ประเภทของ API ตามลักษณะการเชื่อมต่อ

API ทุกประเภทจะเกิดจากการเชื่อมต่อรับส่งข้อมูลกันระหว่างไคลเอ็นต์
(Client) หรือผู้ใช้บริการ และเซิร์ฟเวอร์ (Server) หรือผู้ให้บริการ
โดยที่ซอฟต์แวร์หรือแอปพลิคชันที่ส่งคำขอเรียกว่าไคลเอนต์
และซอฟต์แวร์หรือแอปพลิเคชันที่ตอบกลับเรียกว่าเซิร์ฟเวอร์ หากนำเกณฑ์การเชื่อมต่อกันระหว่างไคลเอ็นต์กับเซิร์ฟเวอร์มาจำแนกประเภท
API อาจแบ่งออกได้เป็น

ประเภทของ API
ตามลักษณะการทำงาน

ความนิยมใช้งาน API ในการพัฒนาซอฟต์แวร์ได้ทำให้เกิดการคิดค้น API รูปแบบต่าง ๆ ที่มีลักษณะการทำงาน (architecture) แตกต่างกัน ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์สามารถเลือกได้ว่าจะใช้ API รูปแบบใดเพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดและจุดประสงค์ของซอฟต์แวร์ โดย API รูปแบบต่างๆ ตามลักษณะการทำงานนั้นแบ่งออกได้เป็น

แพลตฟอร์ม
ACP ของ VISAI
ที่ให้บริการโมเดลปัญญาประดิษฐ์คุณภาพสูงก็ได้ให้บริการผ่าน REST API เช่นกัน ช่วยให้องค์กรต่างๆ
ที่ต้องการใช้งานโมเดลปัญญาประดิษฐ์สามารถนำโมเดลเหล่านี้ไปเชื่อมต่อเข้ากับแอปพลิเคชันของตนเองได้เลยโดยไม่ต้องพัฒนาขึ้นมาใหม่

ตัวอย่างการใช้งาน API

ประโยชน์ของการใช้งานผ่าน API

ประโยชน์ของการใช้งานซอฟต์แวร์ผ่านรูปแบบ API
นั้นมีมากมายทั้งในมุมมองผู้พัฒนาซอฟต์แวร์และธุรกิจ
โดยอาจสรุปออกมาได้ดังนี้ 

API เป็นกลไกที่ช่วยให้ซอฟต์แวร์จาก 2 แหล่งสามารถเชื่อมต่อและแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้ ซึ่งนับว่าเป็นสิ่งที่ทำให้การพัฒนาและต่อยอดซอฟต์แวร์สะดวกและมีประสิทธิภาพกว่าในอดีตมาก ตัวอย่างการแลกเปลี่ยนข้อมูลผ่าน
API ที่คุ้นเคยกันอย่างดี
เช่น กล่องข้อความบอกสภาพอากาศ,
การล็อกอินด้วยบัญชีจากแอปพลิเคชันอื่น, และระบบจองที่พักหรือเที่ยวบิน
หากองค์กรใดสนใจใช้งาน AI
คุณภาพสูงผ่านระบบ API
ที่เชื่อมต่อได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ที่ VISAI เรามีทั้งโมเดลที่เชี่ยวชาญด้านภาพ เสียง ตัวอักษร และข้อมูลตารางพร้อมให้บริการ
<a href="https://acp.visai.ai">ทดลองใช้ AI โมเดลที่นี่</a>

-<a href="https://aws.amazon.com/th/what-is/api/">AWS</a>

-<a href="https://katalyst.kasikornbank.com/th/blog/Pages/what-is-api-and-why-is-it-important.html">Katalyst</a>

API คืออะไร อยากใช้งานซอฟต์แวร์ต้องรู้จัก